วิธีรักษาสิว
อยากสิวหายต้องใจเย็น ข่าวร้ายที่เราควรรู้เอาไว้ก็คือ "เราไม่มีทางทำให้สิวหายขาดได้ " และ "การรักษาก็ไม่มีทางลัดให้เดินหลายทาง " การรักษาสิวจึงต้องใช้ความตั้งใจ ความใจเย็น และความอดทน ยิ่งคนที่ใช้ยาที่สกัดมาจากวิตามินเอก็ต้องทำใจไว้เลย เพราะยาจะออกฤทธิ์ช่วยดันสิวอุดตันให้โผล่ออกมาบนผิว และอาจต้องใช้เวลาอย่างต่ำกว่า 8 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลชัดเจน ทำให้บางคนรอไม่ไหว หรือเห็นสิวโผล่ขึ้นมาระหว่างการรักษาก็ทำให้ถอดใจ จึงทำให้การรักษาไม่ต่อเนื่อง สุดท้ายเมื่อสิวลุกลามจนเกินเยียวยาได้ด้วยตัวเอง ก็หันไปรักษาด้วยวิธีอื่นที่ทำให้ต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก
ปรับเปลี่ยนทัศนคติ หลาย ๆ คนมักคิดว่าที่ตัวเองเป็นสิวนั้นเกิดจากการรักษาความสะอาดไม่เพียงพอ ตัวเองสกปรก และคิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง แต่จริง ๆ แล้วสิวเกิดมาได้จากหลายสาเหตุมาก ซึ่งหลาย ๆ อย่างเราเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้น คุณควรปรับเปลี่ยนความคิดและทัศนคติเสียใหม่ว่า "ที่สิวมันเกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เพราะเราสกปรกผิดจากชาวบ้าน แต่จริง ๆ แล้วสิวมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อมีสิวขึ้นมาแล้วก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะเริ่มรักษาอย่างถูกวิธีและมันก็จะหายไปได้เอง " ถ้าเราปรับความคิดใหม่ได้ จะทำให้ความเครียดส่วนนี้ลดน้อยลง ทำให้การรักษาสิวได้ผลดีมากขึ้น
สังเกตตัวเองสักนิด ให้ลองสังเกตว่าเรามักจะเป็นสิวตอนไหน หน้าร้อนหรือหน้าฝน และในช่วงนั้นได้ไปทำอะไรที่ผิดปกติไปจากเดิมหรือเปล่า เช่น เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิว เปลี่ยนแชมพู เป็นต้น เมื่อเราสังเกตตัวเองจนทราบแล้วว่า ช่วงไหนที่สิวถามหาเรา ก็ให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ หรือบางคนเจอสิวบุกหนักเพราะเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ และผลิตภัณฑ์ที่เป็นออยเบส ก็ให้หลีกเลี่ยง
รักษาก่อนบำรุง ในระหว่างการรักษาสิวคุณต้องมีสติในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้มากถึงมากที่สุด อย่าเพิ่งคิดบำรุงผิวในช่วงนี้ แต่ให้หันมารักษาสิวให้หายก่อน โดยระหว่างการรักษาคุณควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ประเภทออยเบส โคโค่บัตเตอร์ เปปเปอร์มินต์ออย เพราะตอนที่เราเป็นสิว ผิวของเราจะเกิดการระคายเคืองได้ง่าย ยิ่งพวกครีมเนื้อหนัก ๆ ก็ให้เลี่ยงเลย ถ้าไม่อยากให้มันอุดตันรูขุมขนมากขึ้น แต่สำหรับคนผิวแห้ง คุณอาจต้องการการบำรุงบ้าง โดยให้เลือกใช้เจลว่านหางจระเข้มาเป็นมอยเจอไรเซอร์ไปก่อน
ลดความมันบนใบหน้า หากรู้ตัวว่าหน้ามันจนทอดไข่ได้ คุณควรจะล้างหน้าเพื่อเอาความมันออกซะบ้าง แต่อย่าล้างหน้าบ่อย ๆ ล่ะ เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นการเกิดสิวได้ แต่ถ้าคุณหน้ามันมากจนเกินเยียวยาได้ด้วยตัวเอง ก็ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขที่ต้นเหตุ โดยแพทย์อาจจะต้องใช้ยาเพื่อควบคุมฮอร์โมนแอนโดรเจนเอาไว้ (ส่วนนี้ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น)
หยุดเซาน่าและสตรีม ในระหว่างการรักษาสิว คุณควรหยุดการเซาน่าและสตรีมไปก่อนอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะมันจะทำให้ผิวทั้งร้อนและชื้น สิวที่มีก็จะเห่อขึ้น รูขุมขนกว้างขึ้น บริเวณที่มีแนวโน้มจะเป็นสิวก็อาจเกิดสิวขึ้นมาได้อย่างคาดไม่ถึง แต่ให้หันมาออกกำลังกายแทนจะดีกว่า
ล้างหน้าให้ถูกวิธีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง เราควรจะล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวเพียงวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น แต่ถ้าหากหน้ามันมากจริง ๆ ก็อาจล้างได้ไม่เกินวันละ 3 ครั้ง เวลาล้างต้องล้างให้สะอาดหมดจดจนแน่ใจว่าไม่เหลือสิ่งสกปรกอยู่บนใบหน้า ถ้ามีเหงื่อออกหรือหน้ามันระหว่างวันคุณควรจะล้างหน้าด้วย "น้ำเปล่า" แล้วซับให้แห้ง (แต่อย่าล้างบ่อย เพราะจะยิ่งทำให้หน้ามันมากขึ้น) และก่อนจะลงผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามคุณควรซับหน้าให้แห้งก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดสิว (เรื่องที่เกี่ยวข้อง : การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี , ขั้นตอนการล้างหน้าที่ถูกวิธีอย่างละเอียด )
ดื่มน้ำเพื่อล้างพิษ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยทำให้เซลล์ต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และน้ำยังเป็นตัวช่วยในการนำสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายให้ถูกขับออกมาด้วย ดังนั้นจงจำไว้เลยว่า เราควรดื่มน้ำไม่ต่ำกว่าวันละ 8 แก้ว และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการล้างพิษ คุณควรรับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีและวิตามินอีด้วย เพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพผิวให้แข็งแรง สำหรับคนที่โดนสิวบุกมาก ๆ คุณอาจผสมน้ำมะนาวลงไปในน้ำแก้วแรกของวันก็ได้ ซึ่งวิธีนี้พบว่าใช้ได้ผลในหลายคน ในการช่วยล้างพิษได้อย่างหมดจด
กำจัดความเครียด คุณควรอารมณ์ดีเข้าไว้ พยายามทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ เพราะเมื่อเราเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนตัวที่สามารถไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น และต่อให้ป้องกันการเกิดสิวได้ดียังไง แต่ยังเครียดอยู่ก็คงหนีไม่พ้นที่จะมีสิวผุดขึ้นมาอย่างแน่นอน โดยมีงานวิจัยที่ได้สรุปว่า "เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้นจะทำให้การอักเสบของสิวเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้น โดยคิดเฉลี่ยเป็นเปอร์เซ็นต์มากถึง 93.5% "
และเชื่อไหมว่าบางคนยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่ากำลังเครียดอยู่ แต่คุณสามารถสังเกตความเครียดได้จากพฤติกรรมดังต่อไปนี้ครับ คือถ้ามีมากข้อเท่าไรก็ยิ่งเครียดมากเท่านั้น เช่น นอนไม่หลับทั้ง ๆ ที่เลยเวลานอนแล้ว, ไม่อยากเจอหน้าผู้คนหรือต้องการหลบปัญหา, ระเบิดอารมณ์กับทุก ๆ เรื่องได้ง่าย แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม, ดื่มเหล้ามากขึ้น, ไม่อยากรับประทานอาหาร, ชอบกัดเล็บตัวเองโดยไม่รู้ตัว, ดึงผมตัวเองอยู่บ่อย ๆ เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณมีมากกว่า 4 อย่างขึ้นไป นั่นหมายความว่าเรากำลังเครียดในระดับสูง ก็ให้รีบหาทางจัดการมันซะ เพราะยิ่งเครียดสิวก็ยิ่งเยอะ
นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับนับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด เพราะตอนเราหลับร่างกายจะหลั่งสารโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้จะช่วยซ่อมแซมร่างกายของเราได้ในขณะหลับ ช่วยทำให้ผิวหนังส่วนที่สึกหรอรวมถึงแผลที่เป็นอยู่ให้หายไวขึ้น ส่งผลกับผิวหน้าและผิวกายของเราโดยตรง คือ รูขุมขนจะมีการซ่อมแซมตัวเอง ทำให้สิ่งสกปรกจากภายนอกเข้ามาในรูขุมขนได้ยากขึ้น และการนอนดึกยังเกี่ยวข้องกับความเครียดอีกด้วย เมื่อร่างกายเกิดความเครียดก็จะทำให้ผิวอ่อนแอลง ส่งผลให้แบคทีเรียตัวร้ายเข้ามาจู่โจม ทำให้เราเกิดสิวอักเสบได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
หลีกเลี่ยงแสงแดด ปกป้องผิวตัวเองจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดดเป็นประจำ ใส่แว่นกันแดดเพื่อถนอมตา สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิว และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีความร้อนและความชื้นสูง เพราะนอกจากจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวแล้ว มันยังเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยและสีผิวที่ดำคล้ำได้อีกด้วย
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพผิว ผลิตภัณฑ์ความงามในปัจจุบันนั้นมีมากมาย จนเราเองก็ปวดหัวในการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ ก็มีสรรพคุณแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเวลาเราเลือกใช้ นอกจากจะเลือกให้มาช่วยแก้ไขและบำรุงผิวหน้าแล้ว เราต้องเชื่อมั่นด้วยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะไม่เอาสิวมาฝากเราด้วย เคล็ดลับก็ง่าย ๆ คือผลิตภัณฑ์ที่เราจะใช้ต้องมีคุณสมบัติไม่ทำให้เกิดการอุดตัน ช่วยกำจัดแบคทีเรีย และมี อย. รับรอง ถ้าอ่านป้ายแล้วเจอข้อความ non comedogenic ก็เป็นอันใช้ได้ (เรื่องที่เกี่ยวข้อง : วิธีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของผิวแต่ละสภาพ , ข้อควรระวังในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของผิวแต่ละสภาพ , การดูแลและบำรุงผิวหน้าของผิวแต่ละสภาพ )
หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษซับมัน คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้กระดาษซับมัน แล้วหันมาใช้กระดาษทิชชูสำหรับใบหน้าในการซับน้ำมันส่วนเกินแทน เพราะการใช้กระดาษซับมัน จะทำให้น้ำมันถูกซับออกไปจนหมด ส่งผลทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะมันคิดว่าผิวเราแห้งจนเกินไป คราวนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่เลยล่ะ แต่ถ้าการใช้ทิชชูในการซับหน้ายังไม่สามารถสร้างความรู้สึกสบายให้ใบหน้าได้ ก็แนะนำให้เลือกฉีดสเปรย์น้ำแร่แล้วใช้ทิชชูซับออกเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับผิวหน้าก็ได้
ยาคุมกำเนิด นับเป็นโชคดีของสาว ๆ ที่เราสามารถควบคุมสิวที่เกิดจากฮอร์โมนแอนโดรเจนได้ด้วยการทานยาคุมกำเนิด เนื่องจากยาคุมกำเนิดนั้นมีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrigen) ที่จะเข้าไปกดการทำงานของฮอร์โมนแอนโดรเจน แต่เห็นมันมีข้อดีอย่างนี้แล้วก็อย่าเพิ่งดีใจไปล่ะ เพราะมันก็มีผลเสียอยู่บ้างที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และมีผลในด้านลบต่อคนที่เป็นโรคหัวใจ รวมไปถึงอาจทำให้เกิดปัญหาเส้นเลือดอุดตันได้
มะเขือเทศ จัดว่าเป็นยาวิเศษจากธรรมชาติที่สามารถพิฆาตสิวได้เป็นอย่างดี เพราะมะเขือเทศมีทั้งวิตามินเอที่ช่วยเสริมสร้างผิวให้มีสุขภาพดี มีวิตามินซีที่ช่วยในเรื่องของความขาวใสและสมานรอยแผล อีกทั้งยังมีคุณสมบัติทำให้ผิวเย็นลง ช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกิน ต้านอนุมูลอิสระ และทำให้รูขุมขุมกระชับได้อีกด้วย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เราจึงใช้ประโยชน์จากมะเขือเทศในการป้องกันการเกิดสิวได้อย่างยอดเยี่ยม วิธีการก็ไม่ยากเพียงแค่คุณคั้นเอาน้ำมะเขือเทศมาทาลงบนใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า ก็จะช่วยป้องกันการเกิดการสิวได้แล้วล่ะ (วิธีนี้เราจะใช้ก็ต่อเมื่อเรารู้สึกว่าสิวอุดตันมันเริ่มจะเป็นไตแข็ง ๆ และเจ็บ ที่เป็นสัญญาณของสิวอักเสบ ซึ่งการทาน้ำมะเขือเทศจะช่วยป้องกันการอักเสบได้ ส่วนสิวอุดตันที่เป็นไตแข็งก็จะค่อย ๆ ยุบตัวลงไปเอง)
ผิวส้ม ให้นำผิวส้มมาปั่นกับน้ำสะอาดจนได้เป็นเนื้อครีมข้น แล้วนำเนื้อครีมที่ได้มาทาบาง ๆ บนสิวและรอบ ๆ สิว ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออก เพียงเท่านี้สิวของคุณก็จะค่อย ๆ ยุบลงแล้วล่ะ
กระเทียม ให้นำกระเทียมสดมาฝานเป็นแว่นบาง ๆ แล้วใช้กระเทียมค่อย ๆ ลูบไล้บริเวณที่เป็นสิว วิธีนี้จะช่วยลดรอยแดงของสิวและทำให้สิวยุบตัวได้เร็วยิ่งขึ้น
มะละกอ ให้คุณนำมะละกอดิบมาปั่นทั้งเมล็ด จากนั้นคั้นเอาแต่น้ำนำมาแต้มบาง ๆ บริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออก จะช่วยลดการอักเสบของสิวได้ แต่วิธีนี้จะไม่เหมาะกับคนผิวบอบบางและผิวแพ้ง่าย
น้ำคั้นใบสะระแหน่ ให้คั้นน้ำจากใบสะระแหน่สด นำมาทาบาง ๆ ให้ทั่วใบหน้าเป็นประจำทุกวัน ทิ้งไว้สักพักแล้วค่อยล้างออกให้สะอาด วิธีนี้นอกจากจะช่วยรักษาสิวได้แล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดเม็ดผื่นคันและโรคผิวหนังอย่างโรคหิดและกลากเกลื้อนได้อีกด้วย
น้ำมันถั่วลิสงผสมน้ำมะนาว ให้คุณใช้น้ำมันถั่วลิสง 1 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับน้ำมะนาวคั้นสด 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทาบาง ๆ ให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออกให้สะอาด วิธีนี้จะช่วยป้องกันการเกิดสิวอักเสบและสิวหัวดำได้เป็นอย่างดี
น้ำมะนาวผสมอบเชย ให้ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา นำมาผสมกับผงอบเชย 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน ล้างหน้าให้สะอาดและซับให้แห้ง จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาแต้มบาง ๆ บริเวณที่เป็นสิวประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด จะช่วยทำให้สิวค่อย ๆ ยุบตัวลง แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนผิวบอบบางและผิวแพ้ง่าย
น้ำมะนาวผสมนมสด ให้คุณนำน้ำมะนาวสดมาผสมกับนมสดอุ่น ๆ ใช้ล้างผิวหน้าทิ้งไว้สักพัก แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้จะช่วยลดการเกิดสิวอักเสบ สิวหัวดำ และช่วยบำรุงผิวหน้าให้เนียนนุ่มไม่แห้งแตก
น้ำมะนาวผสมน้ำคั้นจากดอกกุหลาบ ให้คุณผสมน้ำมะนาวเข้ากับน้ำคั้นจากดอกกุหลาบในปริมาณเท่ากัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาทาบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น วิธีนี้จะช่วยทำให้สิวยุบลงได้ และยังช่วยทำให้หน้าขาวดูสดใสได้อีกด้วย
น้ำผึ้งผสมไข่ขาวและน้ำมะนาว ให้คุณใช้น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับไข่ขาว 1 ฟอง แล้วเติมน้ำมะนาวลงไปอีก 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาทาให้ทั่วใบหน้ายกเว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปากทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วล้างออก และล้างปิดท้ายด้วยน้ำเย็น เสร็จแล้วให้ทาครีมบำรุงผิว
สิวอุดตัน สิวที่ชอบเก็บตัวอยู่กับรูขุมขนบนใบหน้า ยิ่งนานวันก็ยิ่งฝังตัวแน่น ดูวิธีการป้องกันและรักษาสิวอุดตันอย่างละเอียดได้ที่บทความ 18 วิธีรักษาสิวอุดตัน (สิวหัวดำ & สิวหัวขาว) อย่างได้ผล 100%
สิวอักเสบ สิวชนิดที่เป็นร่างแปลงของสิวอุดตัน ที่พัฒนาขึ้นมาด้วยอาหารเสริมอย่างเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกจากน้ำมือของเจ้าของใบหน้า ที่ชอบไปล้วงแคะแกะเกา หากคุณเป็นสิวชนิดนี้อยู่ สามารถดูวิธีป้องกันและรักษาสิวอักเสบได้ที่บทความ 13 วิธีรักษาสิวอักเสบ ! หน้าเป็นสิวอักเสบทำไงดี ??
สิวเสี้ยน ฟังชื่อแล้วเหมือนจะเป็นแค่ปัญหาเล็ก ๆ แต่มันกลับสร้างปัญหาได้เยอะเลยทีเดียว เพราะเมื่อไหร่ที่เราขับไล่มันไป มันก็จะทิ้งรูขุมขนกว้างไว้ให้เจ้าของใบหน้าได้ช้ำใจ ดูวิธีการป้องกันและรักษาสิวเสี้ยนอย่างละเอียดได้ที่บทความนี้ 16 วิธีกำจัดสิวเสี้ยน & สูตรลอกสิวเสี้ยน แบบสะใจ !!
สิวผด ร้อนเมื่อไหร่ได้เจอกันทุกที ชื้นเมื่อไหร่มันก็จะมาอีก ยิ่งอากาศทั้งร้อนและชื้นแบบบ้านเรามันยิ่งชอบ แม้จะไม่ร้ายกาจเท่าสิวชนิดอื่น ๆ แต่มันก็สร้างความรำคาญใจได้ไม่น้อยเลยล่ะ เพราะถ้าเผลอไปแคะแกะเกาล่ะก็ มันก็พร้อมจะกลายร่างเป็นสิวที่ร้ายกาจได้ทุกเมื่อ สามารถดูวิธีการป้องกันและรักษาสิวผิดได้ที่บทความ 13 วิธีรักษาสิวผด ! หน้าเป็นสิวผดทำไงดี ??
ยารักษาสิว
คราวนี้เรามาลงลึกกันถึงวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวกันอย่างถูกวิธีกันดีกว่า เพื่อให้การดูแลรักษาเกิดผลสำเร็จได้ง่ายขึ้น มาดูกันว่าขั้นตอนในการดูแลผิวเมื่อเป็นสิวและยาชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับการกำจัดสิวจะต้องใช้อย่างไร ถึงจะจัดการกับเจ้าสิวตัวร้ายได้อย่างอยู่หมัด
Benzac (เบนซอยล์เปอร์ออกไซด์)
เรตินเอ (ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอลเอ)
คลินดาลิน
บีเอชเอ (BHA)
ขั้นตอนการทาผลิตภัณฑ์รักษาสิว
สำหรับกลางคืน ให้คุณเริ่มจากการใช้ยาบีพีเพื่อฆ่าเชื้อพีแอคเน่ โดยทาทิ้งไว้ไม่เกิน 30 นาที หลังจากนั้นให้ล้างหน้าตามปกติ แล้วทาด้วย AHA/BHA และต่อด้วยผลิตภัณฑ์ประเภทเรตินอยด์เพื่อละลายสิวอุดตันและสิวเสี้ยน (ยากลุ่มนี้จะค่อนข้างไวต่อแสง แนะนำว่าทาเสร็จแล้วก็ให้ปิดไฟไปเลย แล้วรอประมาณ 15-20 นาที ก่อนจะลงยาตัวต่อไป เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของยา) ในขั้นตอนต่อมาถ้าคุณมีสิวอักเสบก็ให้แต้มหัวสิวอักเสบด้วยคลินดามัยซิน และบำรุงผิวเป็นจบขั้นตอน
สำหรับกลางวัน ขั้นตอนจะไม่ยุ่งยากเหมือนตอนกลางคืน โดยให้เริ่มจากการล้างหน้าตามปกติ แล้วทาครีมบำรุง ตามด้วยครีมกันแดด เป็นอันจบ
คุณสมบัติของยารักษาสิว
ชื่อยา
ลดสิวอุดตัน
ฆ่าเชื้อพีแอคเน่
ลดการอักเสบ
เบนซอยเปอร์ออกไซด์ (BP)
ปานกลาง
ดี
ปานกลาง
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอลเอ
ดี
ไม่มีผล
ปานกลาง / ไม่มีผล
คลินดามัยซิน
ไม่มีผล
ดี
ดี
บีเอชเอ
ปานกลาง
ไม่มีผล
ไม่มีผล
การดูแลรักษาสิวในระดับต่าง ๆ
-
สิวระดับเล็กน้อย
สิวระดับปานกลาง
สิวระดับรุนแรง
ลักษณะ
มีสิวอุดตันหัวดำและหัวขาว + มีสิวอุดตันบ้างแต่ไม่เกิน 10 หัว
มีสิวอุดตันหัวดำและหัวขาว + มีสิวอักเสบเกือบตลอด โดยมีสิวอักเสบแบบต่าง ๆ เกิน 10 หัว (ไม่รวมสิวแบบ Cyst)
มีสิวทุกประเภท + มีสิวอักเสบทุกแบบกระจายอยู่ทั่วบริเวณใบหน้า
การดูแล
ใช้ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ (ภายใต้คำแนะนำของแพทย์) + BP
ใช้ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ (ภายใต้คำแนะนำของแพทย์) + BP + ทานยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ / ทานฮอร์โมน
ทานยาภายใต้การดูแลของแพทย์
การรักษา
-
ทานยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ + ทานฮอร์โมน + ใช้ยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ + BP + คลินดามัยซิน
ใช้ยาต้านการอักเสบ + ยาในกลุ่มวิตามินเอ + ทานยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ + BP + คลินดามัยซิน + ทานฮอร์โมน
หมายเหตุ : การใช้ยาเหล่านี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ คุณไม่ควรไปหาซื้อยาเหล่านี้มารับประทานหรือทาด้วยตัวเอง อีกทั้งวิธีการรักษาสิวในแต่ละระดับก็แตกต่างกันไปตามประเภท อายุ และสุขภาพของผู้เป็นสิว แต่สำหรับผู้ที่เป็นสิวไม่รุนแรงมากนัก คุณอาจใช้แนวทางที่แนะนำไปข้างต้น นำไปปรับใช้ในการดูแลตัวเองได้